- เมืองคาซาบลังก้า (Casablanca) – เมืองราบัต (Rabat)
- The Royal Palace และ Mechouar – สุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่5 – ชมหอคอยฮัสซัน (Hassan Tower)
- เมืองเมคเนส (Meknes) – สุลต่านมูเล อิสมาอิล (Mouley Ismail) – ประตูบับมันซู (Bab Mansour Monumental Gate)
- เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส (Roman city of Volubilis) – นครสีฟ้าเชฟชาอูน (Chefchaouen) – เมืองเฟซ (Fes)
- สุเหร่าใหญ่ไคราวีน (Kairaouine Mosque) – เมเดอร์ซา บูอิมาเนีย (Merdersa Bou Imania)
- ชมมูเล ไอดริสที่ 2 (Moulay Idriss MausoleUm II) – เมืองอิเฟรน (Ifrane)
- เมืองแอร์ฟอร์ด (Erfoud) – เมืองเมอร์ซูก้าร์ (Merzouga)
- ทอด้าจอร์จ (Todra Gorge) – เมืองทินเฮียร์ (Tinghir)
- เมืองวอซาเซท (Ouarzazate) – ป้อมทาเริท (Kasbah Taourirt)
- เมืองไอท์ เบน ฮาดดู (Ait Benhaddou) – พระราชวังบาเฮีย (Bahia Palace)
- จัตุรัสกลางเมือง (Djemaa Fnaa Square) – สวนจาร์ดีน มาจอแรล (Majorelle Garden)
- เมืองคาซาบลังก้า (Casablanca) – โบถส์ชาวยิว (The Church of our ladies of Lourdes)
22.00 น. : คณะเดินทางพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบินเอมิเรตส์ เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระและบัตรโดยสารที่นั่งก่อนขึ้นเครื่อง
01.15 น. : ออกเดินทางสู่ เมืองคาซาบลังก้า ประเทศโมรอคโค โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK385/751
*.*.*. แวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองดูไบ : 0445-0725 *.*.*.
12.55 น. : (เวลาท้องถิ่น) ถึงสนามบิน เมืองคาซาบลังก้า (Casablanca) ประเทศโมรอคโค (Morocco) ..หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเรียบร้อยแล้ว…..จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองราบัต (Rabat) …นำท่านชมเมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1956 เมื่อโมรอคโคหลุดพ้นจากการเข้าแทรกแซงทางการเมืองของฝรั่งเศสและเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวงและทำเนียบทูตานุทูตจากต่างแดนเป็นเมืองสีขาวที่สะอาดและสวยงาม
ชมป้อมไอดูยะ ป้อมขนาดใหญ่สองชั้นที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงใหญ่ด้านในเป็นเมดิน่า บ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้า ที่สะอาดตาน่าเดินเล่น เหมือนศิลปะบนกำแพง ชมสุเหร่าหลวง และ พระราชวังหลวง ทุกเที่ยงของวันศุกร์นั้น กษัตริย์แห่งโมรอคโคจะทรงม้าจากพระราชวังมายังสุเหร่า เพื่อประกอบศาสนกิจชมความงามภายนอกของ The Royal Palace และ Mechouar
ชมสุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่5 พระอัยการของกษัตริย์องค์ปัจจุบันซึ่งมีทหารยามยืนสง่าเฝ้าทุกประตูและเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง ด้านหน้าคือสุเหร่าฮัสซันที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่12 แต่สร้างยังไม่สำเร็จและพังลงจนเหลือแต่เพียงเสาไว้ 365 ต้น
ชมหอคอยฮัสซัน (Hassan Tower) เป็นสุเหร่าที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก สามารถบรรจุผู้ที่เข้ามาสวดมนต์ได้พร้อมกันคราวละ 40,000 คน (แต่สร้างไม่เสร็จ) …นำท่านออกเดินทางต่อสู่ เมืองเมคเนส (Meknes) เมืองหลวงโบราณในสมัยสุลต่านมูเล อิสมาอิล (Mouley Ismail) แห่งราชวงศ์อะลาวิท (Alawite Dynasty) กษัตริย์จอมโหดผู้ชื่นชอบการทำสงครามในศ.ต.ที่ 17 ….
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม ชมกำแพงเมืองล้อมรอบเมืองเก่าที่ยาวประมาณ 40 กม. ซึ่งมีประตูเมืองใหญ่โตถึง 7 ประตู ชมประตูบับมันซู (Bab Mansour Monumental Gate) ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุด ตกแต่งด้วยโมเสดและกระเบื้องสีเขียวบนผนังสีแสด…ชมเมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส (Roman city of Volubilis) ที่ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพังที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในปี ค.ศ. 1755 แต่ยังคงเห็นได้ถึงร่องรอยความยิ่งใหญ่ของเมืองในจักรวรรดิโรมันในอดีต
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย : นำท่านเดินทางสู่ นครสีฟ้าเชฟชาอูน (Chefchaouen) เมืองที่ได้ชื่อว่ามนต์เสน่ห์แห่งโมรอคโค เป็นเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ในหุบเขาริฟ (Rif Mountain) ประวัติความเป็นมาของเมืองนั้นยาวนานกว่า 538 ปี เมืองนี้เคยอยู่ใต้การปกครองของสเปนและได้รับอิสรภาพในปี ค.ศ.1956 จนได้รับอิทธิพลวิถีชีวิตและภาษาสเปนในปัจจุบันนี้
ชมบ้านเรือนทาด้วยสีฟ้าและสีขาว เป็นสวรรค์ของคนรักสีฟ้าและสีขาว เมืองที่บ้านเรือนเกือบทุกหลังเป็นสีขาวและมีครึ่งล่างไปจนถึงบริเวณถนน บันได และ ทางเดิน เป็นสีฟ้าสดใสเหมือนวันที่ท้องฟ้าไร้เมฆ สามารถเดินชมบ้านเรือนได้ทั่วทั้งเมือง โดยที่สถาปัตยกรรม ของเมืองยังคงเป็นแบบโมรอคโค ซุ้มประตูโค้งจึงสามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งเมือง และยังมีน้ำพุที่ปูด้วยกระเบื้องโมเสกแบบโมรอคโคให้เห็นได้ตามมุมต่าง ๆ ของเมือง พร้อมให้ท่านมีเวลาเดินเลือกซื้อของที่ระลึกในตลาดเมืองเก่า….
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเฟซ (Fes) เมืองหลวงเก่า เมืองซึ่งยังคงมีบรรยากาศของเมืองโบราณที่ผู้คนยังใช้ลาเป็น พาหนะและบรรทุกของกันอยู่ สัมผัสบรรยากาศเมืองเก่าแก่ที่สุดในบรรดาเมืองอิมพิเรียลทั้งสี่ตั้งแต่ศ.ต.ที่ 7 ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย : นำท่าน ชมวิวบนป้อมปราการแห่งราชวงศ์ซาเดียน …เดินเข้าสู่เขาวงกตอันซับซ้อนแห่งเมดินาเมืองเฟซ …ผ่านชมประตู Bab Bou Jeloud เป็นประตูขนาดใหญ่ที่กั้นระหว่างเมืองเก่ากับเมืองใหม่ที่ใช้โมเสสสีฟ้าตกแต่ง นำท่านเดินผ่านตลาดสดขายข้าวปลาอาหาร และผัก ผลไม้สด..ผ่านชมสุเหร่าใหญ่ไคราวีน (Kairaouine Mosque) ซึ่งเป็นทั้งมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแห่งแรกของโมรอคโคและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว (เฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น) ชมย่านเครื่องหนังและชมบ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองเฟส ถูกอนุรักษ์โดยองค์กรยูเนสโก ทั้งหมดนี้เป็นเสน่ห์ของการเดินเที่ยวชมเมืองที่ต้องเดินแหวกว่ายเข้าไปในกลุ่มคนชาวพื้นเมือง ช้อปปิ้งสินค้าท้องถิ่นและผลไม้แห้ง เช่น อินทผาลัม วอลนัท อัลมอนด์ ที่คุณภาพดีและราคาย่อมเยา
ชมเมเดอร์ซา บูอิมาเนีย (Merdersa Bou Imania) ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนพระคัมภีร์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบมัวร์ที่สวยงามประณีต ในเขตเมืองเก่าได้ มีซอยกว่า 10,000 ซอย มีซอยแคบสุดคือ 50 ซ.ม. ถึงกว้าง 3 เมตร จะแบ่งเป็นย่านต่างๆ เช่น ย่านเครื่องใช้ทองเหลือง ทองแดง จะมีร้านค้าเล็กๆที่หน้าร้านจะมีหม้อ กะทะ อุปกรณ์เครื่องครัว วางแขวนห้อยเต็มไปหมด ย่านขายพรมที่วางเรียงรายอย่างสวยงาม ย่านงานเครื่องจักสาน งานแกะสลักไม้ ที่ตามซอกมุมอาจเห็นภาพชายสูงอายุหนวดเครารุงรังนั่งแกะสลักไม้ชิ้นเล็กๆอยู่บริเวณตามทางเดินแคบๆในเขตเมืองเก่า บางทีเราก็ยังจะเห็นผู้หญิงที่นี่สวมเสื้อผ้าที่ปิดตั้งแต่หัวจนถึงเท้าจะเห็นได้ก็เฉพาะตาดำอันคมกริบเท่านั้น …
ชมมูเล ไอดริสที่ 2 (Moulay Idriss MausoleUm II) เมืองโบราณเมืองหนึ่งที่เป็นเมืองศูนย์กลางศาสนาอันศักดิ์สิทธิของชาวมุสลิมในโมรอคโค ช่วงเดือนสิงหาคมจะมีเหล่านักจาริกแสวงบุญมาเยือนเมืองแห่งนี้เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา เปรียบได้กับเมืองเมกกะของประเทศซาอุดิอารเบีย…
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางผ่านชมเมืองอิเฟรน (Ifrane) เมืองที่ความสูงประมาณ 1650 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ในอดีต ฝรั่งเศสได้มาสร้างขึ้นบริเวณนี้ในช่วง ค.ศ. 1930 บางครั้งเรียกเมืองแห่งนี้ว่า เจนีวาแห่งโมรอคโค บ้านส่วนใหญ่มีหลังคาสีแดง มีดอกไม้บานและทะเลสาบสวยงาม เป็นสถานที่พักผ่อนทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน เส้นทางนี้ผ่านเทือกเขาแอตลาส ชื่อที่คุ้นเคยกันมานาน เดินทางข้าม Middle Atlas ภูมิประเทศเขียวชอุ่มไปด้วยป่าไม้ สองข้างทางเปลี่ยนสภาพจากความแห้งแล้วเป็นป่าไม้ พุ่ม และสลับกับความแห้งแล้งของภูเขา
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
บ่าย : นำท่านเดินทางสู่ เมืองแอร์ฟอร์ด (Erfoud) ซึ่งเป็นโอเอซีสศูนย์กลางการค้าขายของคาราวานซึ่งเดินทางมาจากซาอุดิอาระเบียและซูดาน นำท่านเดินทางสู่ เมืองเมอร์ซูก้าร์ (Merzouga) โดยนำท่านนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD ไปท่องทะเลทรายซาฮาร่า (Sahara) เป็นทะเลทรายในทวีปอัฟริกาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก(รองจากทะเลทรายในทวีปแอนตาร์กติกา)และเป็นทะเลทรายร้อนที่ใหญ่ที่สุดของโลก ณ เมืองเมอร์ซูก้าร์ ลัดเลาะขอบทะเลทรายสู่เขตซาฮาร่า ….
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
*.*.*. พิเศษ ขี่อูฐสู่เนินทรายอันกว้างใหญ่สุดตาเพื่อรอชมพระอาทิตย์ทอแสงยามเช้า แสงทองยามเช้าสาดสู่ทะเลทราย เป็นบรรยากาศยามเช้าที่คุณจะประทับใจมิรู้ลืม (อย่าลืมเตรียมเสื้อกันหนาวให้พร้อม) *.*.*.
นำท่าน นั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD กลับสู่ เมืองแอร์ฟอร์ด (Erfoud) เพื่อเปลี่ยนเป็นรถโค้ช เพื่อเดินทางสู่ ทอด้าจอร์จ (Todra Gorge) ชมความงามของช่องเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในโอเอซิส ลำน้ำเกลือที่ไหลผ่านช่องเขา กับหน้าผาสูงชันแปลกตา เป็นแหล่งปีนหน้าผาสำหรับนักเสี่ยงภัยทั้งหลาย….
นำท่านเดินทางสู่ เมืองทินเฮียร์ (Tinghir) ชุมชนที่เกาะกลุ่มอยู่รวมกันท่ามกลางความแห้งแล้ง ยังมีความชุ่มชื่นของโอเอซิส ต้นปาล์ม เคยเป็นที่ตั้งของกองทหารที่เดินทางมาจากวอซาเซท…
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย : จากนั้นเดินทางต่อตามถนนคาซบาห์ที่มีป้อมหลายร้อยแห่งตั้งเรียงรายตามถนนดังกล่าวสู่ เมืองวอซาเซท (Ouarzazate) เคยเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในปี ค.ศ. 1928 ฝรั่งเศสได้ตั้งกองกำลังทหารและพัฒนาที่นี่ให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร วอซาเซทเป็นเมืองถูกส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่แวดล้อมไปด้วยสตูดิโอ ภาพยนตร์ และมีการพัฒนาพื้นที่ในทะเลทรายเพื่อการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การขี่มอเตอร์ไซด์ อูฐ กิจกรรมผจญภัยกลางทะเลทราย (สำหรับในฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ (พ.ย.-เม.ย.) ควรเตรียมเสื้อกันหนาวให้เพียงพอ เพราะเมืองนี้อยู่ใกล้ภูเขาแอตลาส ที่มีหิมะปกคลุมในช่วงดังกล่าว
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่าน ผ่านชมป้อมทาเริท (Kasbah Taourirt) เป็นป้อมแห่งตระกูลกลาวี ภายใต้หมู่อาคารขนาดใหญ่ ซึ่งภายในประกอบด้วยห้องต่างๆจำนวนมากซ่อนอยู่เชื่อมต่อกันด้วยถนนเล็กๆ และเส้นทางลับคดเคี้ยวตามอาคารที่เบียดเสียดกัน
จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองไอท์ เบน ฮาดดู (Ait Benhaddou) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองมาราเกช เส้นทางข้ามเทือกเขาไฮแอทลาส ทางคดเคี้ยวกับภูเขาสลับซับซ้อนสลับกับทุ่งเกษตรแบบขั้นบันได ให้ท่านเพลินตากับสีสัน วิถีชีวิตของคนท้องถิ่น …
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย : จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมาราเกช (Marakesh) ตั้งอยู่เชิงเขาแอตลาสในอดีตเมืองโอเอซิสแห่งนี้เป็นที่พักของกองคาราวานอูฐ ที่มาจากทางตอนใต้ของโมรอคโค ถือเป็นเมืองชุมทางของพ่อต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นอดีตเมืองหลวงในช่วงสมัยราชวงศ์อัลโมราวิด ช่วงศ.ต.ที่ 11 ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด สภาพบ้านเมืองที่เราเห็นได้คือ สองข้างทางแวดล้อมด้วยบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่คนท้องถิ่นจะเรียกว่า Pink City หรือ เมืองสีชมพู เมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง จึงได้สมญานามว่าเป็น A city of Drama นั่นคือมีความสวยงามดั่งเมืองในละครที่ไม่น่าเป็นชีวิตจริงได้……
นำท่านเดินทาง ชมพระราชวังบาเฮีย (Bahia Palace) เป็นพระราชวังของท่านมหาอำมาตย์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนยุวกษัตริย์ในอดีต สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดย Si Moussa สถาปัตยกรรมออกเป็นแนวสมัยใหม่ โดยที่ตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น แต่ด้วยความที่มีการวางแผนก่อสร้างและตกแต่งอย่างเร่งรีบ จึงเป็นที่วิจารณ์กันว่ารายละเอียดหลายๆอย่างในพระราชวังแห่งนี้ยังไม่สมบูรณ์ลงตัว พระราชวังมีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูนปั้น (Stucco) มีการวาดลายบนไม้ และประดับประดาด้วยโมเสกเป็นลวดลายที่สวยงามละเอียดอ่อนมาก…
ชมความงดงามภายนอกของมัสยิด คูตูเบีย (Koutoubia Mosque) ซึ่งเป็นมัสยิดใหญ่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไม่ว่าจะเดินไปแห่งใดในตัวเมืองก็จะเห็นมัสยิดนี้ได้ จากหอวังที่มีความสูง 226 ฟิต (70 เมตร) จากนั้นนำท่าน ชมจัตุรัสกลางเมือง (Djemaa Fnaa Square) ที่มีขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยอาคาร ร้านค้า ตลาด ทั้ง 4 ด้าน เดินเล่นถ่ายรูปความมีชีวิตชีวาที่มีสีสันและกลิ่นอายแบบโมรอคโคขนานแท้ พร้อมจับจ่ายหาซื้อของฝาก ของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ ได้ที่ ตลาดเก่า (Old Market) ที่อยู่รายรอบจัตุรัสอย่างเพลิดเพลิน …
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
*.*.*. พร้อมชมโชว์การแสดงพื้นเมืองอันตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของสถานที่และสีสันของชาวโมรอคกัน *.*.*.
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่าน ชมสวนจาร์ดีน มาจอแรล (Majorelle Garden) หรือ Jardin Majorelle & Museum of Islamic Art ว่ากันว่าเป็นสวรรค์น้อยๆ ย่านเมืองมาราเกรซ สวนแห่งนี้เป็นที่รวบรวมพันธุ์ไม้นานาพันธุ์จาก ทั่วโลก โดยเฉพาะต้นกระบอกเพชรนับพันต้น หลากหลายสายพันธุ์ มีสวนบัว และป่าไม่ดูร่มรื่น กับบรรดากระถางดินที่ศิลปินเจ้าของเดิม Jacques Majorelle ที่สรรหาสีมาป้ายทาทับ ตกแต่งทำให้สวนแห่งนี้ดูโดเด่นสะดุดตาขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ สวนแห่งนี้เดิมเป็นบ้านของศิลปินชาวฝรั่งเศส เขาสร้างบ้าน และสวนเอาไว้อยู่เอง พร้อมสร้างงานศิลปะของเขาต่อมาสถานที่แห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ รวบรวมเอาศิปะของโมรอโค เอาไว้ และมีมุมแสดงงานศิลปะของเจ้าของเดิมเอาไว้ด้วย….จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองคาซาบลังก้า (Casablanca) เมืองที่ถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องCasablanca ออกฉายในปี ค.ศ.1942
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย : นำท่าน ชมความงามของสุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 สุเหร่านี้งดงามประณีตด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโคทุกแขนง ชมทิวทัศน์รอบๆ สุเหร่าอันเป็นจุดชมวิวริมฝั่งทะเล ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนที่สวยงามของชาวโมรอคโคที่ชอบมาเดินเล่นหลังจากปฏิบัติศาสนกิจเสร็จแล้ว ชมโบถส์ชาวยิว (The Church of our ladies of Lourdes) ภายในมี ภาพกระจกสีสวยงามแสดงเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับศาสนา ต่อด้วยจัตุรัสสหประชาชาติ ซึ่งเป็นใจกลางเมือง ย่านธุรกิจสําคัญ
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่สนามบิน เพื่อเดินทางกลับสู่ประเทศไทย
14.55 น. : ออกเดินทางสู่ ประเทศไทย โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK752/376
*.*.*. แวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองดูไบ : 0115-0340 *.*.*.
12.50 น. : (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึง สุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ
- ราคานี้รวม
- ราคานี้ไม่รวม
- หมายเหตุ
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ (Economy Class) ที่ระบุวันเดินทางไปกลับพร้อมกรุ๊ปเท่านั้น (ในกรณีมีความประสงค์อยู่ต่อจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของสายการบินและมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นสำหรับการเปลี่ยนแปลง)
- ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งตามรายการ
- ค่ารถโค้ชปรับอากาศนำเที่ยวตามรายการวันละ 12 ชม. ตามกฎหมายยุโรป
- ค่าห้องพักในโรงแรมที่ระบุตามรายการหรือเทียบเท่า
- ค่าอาหารตามที่ระบุในรายการ
- ค่าชมสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการ
- ค่าประกันภัยการเดินทางรายบุคคล (หากต้องการเงื่อนไขกรมธรรม์สอบถามได้จากเจ้าหน้าที่)
-ค่าประกันอุบัติเหตุการเดินทาง ในวงเงินท่านละไม่เกิน 1,550,000 บาท (ตามเงื่อนไขตามกรมธรรม์)
-ค่ารักษาพยาบาลสำหรับคนไข้ใน จากอุบัติเหตุ และเจ็บป่วย (แอดมิด 8 ชม.) / การเคลื่อนย้ายเพื่อการรักษาพยาบาลฉุกเฉินและการเคลื่อนย้ายกลับประเทศ / ค่าใช้จ่ายในการส่งศพหรืออัฐกลับประเทศ (เท่านั้น)
** ลูกค้าท่านใดสนใจ…ซื้อประกันการเดินทางสามารถสอบถามข้อมูล เพิ่มเติมกับทางบริษัทได้ **
– – เบี้ยประกันเริ่มต้น 420.-บาท [ระยะเวลา 8-10 วัน]
**ความครอบคลุมผู้เอาประกันที่มีอายุตั้งแต่แรกเกิด ถึง 85 ปี ** [รักษาพยาบาล 2 ล้าน, เสียชีวิตหรือเสียอวัยวะจากอุบัติเหตุ 1.5 ล้านบาทเท่านั้น]
- ค่ามัคคุเทศก์ (ไกด์คนไทย) ของบริษัทฯ ดูแลตลอดการเดินทาง
- ค่าวีซ่าโมรอคโค
- ค่าทิป
- ค่าธรรมเนียมจัดทำหนังสือเดินทาง , แจ้งเข้าแจ้งออกสำหรับผู้ที่ไม่ได้ถือหนังสือเดินทางของไทย
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิเช่น ค่าเครื่องดื่มที่สั่งพิเศษ, ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, ค่าธรรมเนียมหนังสือเดินทาง, ค่าน้ำหนักเกินจากทางสายการบินกำหนดเกินกว่า 30 กก.และมากกว่า 1 ชิ้น, ค่ารักษาพยาบาล กรณีเกิดการเจ็บป่วยจากโรคประจำตัว, ค่ากระเป๋าเดินทางหรือของมีค่าที่สูญหายในระหว่างการเดินทาง เป็นต้น
- ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % ในกรณีที่ต้องการใบกำกับภาษี
- ค่าอาหารที่ไม่ได้ระบุในรายการ
- ค่าธรรมเนียมน้ำมันและภาษีสนามบิน ในกรณีที่สายการบินมีการปรับขึ้นราคา
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ เช่น ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, มินิบาร์และทีวีช่องพิเศษ ฯลฯค่าอาหารและเครื่องดื่มสั่งพิเศษ
- ค่าบริการพิเศษต่างๆ
- ค่าบริการยกกระเป๋าในโรงแรม ซึ่งท่านจะต้องดูแลกระเป๋าและทรัพย์สินด้วยตัวท่านเอง
**กรุณาอ่านเงื่อนไขและหมายเหตุให้ละเอียดทุกข้อ เพราะรายการทัวร์ที่ท่านได้รับถือเป็นสัญญาการเดินทางระหว่างบริษัทและลูกค้า**
เงื่อนไขการจอง
กรุณาจองก่อนล่วงหน้า พร้อมชำระเงินมัดจำ ท่านละ 30,000 บาท ภายใน 3 วันนับจากวันจอง มิฉะนั้นทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะขอรับลูกค้ารายต่อไป
เงื่อนไขการชำระค่าทัวร์ส่วนที่เหลือ
ทางบริษัทขอเก็บค่าทัวร์ส่วนที่เหลือ 15 วันก่อนการเดินทาง หากท่านไม่ผ่านการอนุมัติวีซ่าหรือยกเลิกการเดินทางโดยเหตุจำเป็นทางบริษัทขอเก็บเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
***ร้านค้าในยุโรปส่วนใหญ่จะปิดทำการในวันอาทิตย์, ขอสงวนสิทธิ์การย้ายเมืองที่เข้าพัก เช่น กรณีที่เมืองนั้นมีการจัดงาน TRADE FAIR ฯลฯ ไปเข้าพักเมืองที่ใกล้เคียงแทน และโปรแกรมอาจมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม***
กรณียกเลิกการเดินทาง
- ยกเลิกการเดินทางเก็บค่ามัดจำเต็มจำนวนทุกกรณี
- ยกเลิกการเดินทางและหรือไม่สามารถเดินทางได้ 1-29 วัน ก่อนวันเดินทางทุกกรณี เก็บค่าทัวร์เต็มจำนวนตามราคาทัวร์
- กรณียื่นวีซ่าแล้วไม่ได้รับการอนุมัติวีซ่าจากทางสถานทูต (วีซ่าไม่ผ่าน) และท่านได้ชำระค่าทัวร์หรือมัดจำมาแล้วทางบริษัทฯ ขอเก็บเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เกดขึ้นจริง เช่น ค่าวีซ่าและค่าบริการยื่นวีซ่า / ค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน หรือค่าตั๋วเครื่องบิน (กรณีออกตั๋วเครื่องบินแล้ว) / ค่าส่วนต่างกรณีที่กรุ๊ปออกเดินทางไม่ครบตามจำนวน (สอบถามเพิ่มเติมจากทางบริษัทฯอีกครั้งนึง)
- กรณีผู้เดินทางที่เกิดอุบัติเหตุ,เจ็บป่วย,เสียชีวิต จะต้องมีใบรับรองแพทย์ตามที่ทางสายการบินให้ระบุข้อความตามเงื่อนไขสายการบินนั้น ๆ เพื่อจะได้ยืนยันกับสายการบินและตัวแทนบริษัทที่ต่างประเทศ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของสายการบินและบริษัทต่างประเทศ) ทั้งนี้ท่านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถเรียกคืนได้คือ ค่าธรรมเนียมในการมัดจำตั๋ว หรือค่าตั๋วเครื่องบิน (กรณีออกตั๋วเครื่องบินแล้ว) และค่าธรรมเนียมวีซ่าและค่าบริการยื่นวีซ่ากรณีที่ท่านยื่นวีซ่าแล้ว