เมื่อเอ่ยถึงชื่อ “จอร์เจีย” คนไทยหลายคนมักจะนึกถึงรัฐหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งที่จริงแล้วจอร์เจียยังเป็นชื่อของประเทศอีกแห่งหนึ่งในโลกเรานี้เอง ประเทศจอร์เจียนั้นตั้งอยู่แนวเทือกเขาคอเคซัสที่ขึ้นชื่อถึงความสวยงาม เคยเป็นสาธารณรัฐหนึ่งของรัสเซียมาก่อนและได้แยกตัวออกมาเป็นอิสระจากรัสเซียเพียงไม่นาน ประเทศนี้ผ่านสงครามมามากมายตั้งแต่ครั้งโบราณกาลและถูกปกครองโดยชนชาติต่างๆ ผ่านมือไปเรื่อย ตั้งแต่เปอร์เซีย อาหรับ มองโกเลีย จนกระทั่งรัสเซีย ทำให้ประเทศจอร์เจียมีความแตกต่างหลากลายทางวัฒนธรรมเป็นอย่างยิ่ง ผู้คนจะมีหน้าตาผสมผสานเหมือนฝรั่งแบบยุโรปแต่มีนัยน์ตาหวานคมเหมือนคนเปอร์เซีย วัฒนธรรมก็มีการผสมผสานแบบรัสเซียเข้ากับความเป็นจอร์เจียนดั้งเดิม ที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากวัฒนธรรมการแต่งกาย และการปลูกสร้างบ้านเรือนต่างๆ ด้วยการผสมผสานทางชาติพันธุ์และหลากหลายทางวัฒนธรรมนี้ ทำให้ประเทศจอร์เจียมีความน่าสนใจน่าเยี่ยมเยือนยิ่งนัก
ไม่เพียงแต่ความน่าตื่นตาน่าสนใจของบ้านเรือนและผู้คนเท่านั้น ประเทศจอร์เจียยังมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์สวยงามน่าทึ่ง ในฤดูใบไม้ผลิบานหรือช่วงมิถุนายนถึงสิงหาคมจะมีภูเขาและต้นไม้เขียวขจีในขณะที่ดอกไม้ป่าและดอกหญ้าสีสันสวยสดงดงามบานสะพรั่งไปทั่วทั้งผืน เหล่าดอกเดซี่สีขาว ดอกหญ้าสีเหลืองและสีอื่นๆ ต่างก็แข่งกันแซมยอดหญ้าออกมาอวดโฉมนักท่องเที่ยวอยู่กว้างไกลสุดสายตา ยิ่งภูมิทัศน์ของประเทศจอร์เจียส่วนใหญ่เป็นเนินเขากว้างด้วยแล้วทำให้นักท่องเที่ยวได้เห็นเนินหญ้าและมวลดอกไม้ได้กว้างใหญ่น่าทึ่งตัดกับสีเขียวเข้มของต้นสนและอิงแอบฉากหลังของฟ้าสีครามเมฆขาวสวยใส ในฤดูดอกไม้ผลิบานนี้ชาวบ้านท้องถิ่นจะพาฝูงสัตว์เข้าไปยังทุ่งหญ้ากว้างเพื่อแทะเล็มอาหาร ในขณะที่ชาวนาชาวไร่ก็เอนกายลงบนผืนหญ้าสลับลำธารที่ไหลเชียวกราดพักผ่อนอย่างสุขสบายในอากาศที่แสนอบอุ่นแต่ไม่ร้อนผ่าวถึงแม้จะเป็นช่วงแดดจัดก็ตาม ในช่วงฤดูกาลนี้นักท่องเที่ยวทั้งชาวจอร์เจียนและชาวต่างชาติก็นิยมไปท่องเที่ยวและปิกนิกกันมากมาย ไม่เพียงแต่การไปเที่ยวทั้งแบบหนุ่มสาวและแบบครอบครัวเท่านั้น ยังมีกลุ่มนักผจญภัยเข้าไปทำกิจกรรมเดินป่า ทั้งนี้เป็นเพราะว่าจอร์เจียทางตอนเหนือไม่ว่าจะเป็นด้านตะวันออกของประเทศ หรือด้านตะวันตกของประเทศจะมีภูมิทัศน์แบบภูเขาสูงมีหิมะปกคลุมอยู่ด้านบน ก่อนที่จะขึ้นสู่กลุ่มยอดเขาหิมะที่แสนตื่นตาเหล่านักปีนเขาจะต้องผ่านเข้าสู่ทุ่งดอกไม้ แนวลำธาร หมู่บ้านมรดกโลกที่มีมนต์ขลังเสียก่อนแล้วจึงจะได้ลิ้มลองความตื่นเต้นสวยงามของยอดเขาหิมะอันเป็นเส้นชัย
ฤดูกาลท่องเที่ยวของจอร์เจีย
ต้นฤดูใบไม้ผลิ : ช่วงที่ดีที่สุดควรเป็นต้นเดือนพฤษภาคมเพราะหิมะละลายไปหมดแล้ว ส่วนภูเขาสูงยังคงมีหิมะปกคลุมมากมาย และเผยให้เห็นหญ้าเขียวอยุ่ทั่วไปทั้งประเทศ
ฤดูใบไม้ผลิ : ช่วงปลายเดือนมิถุนายนจนกระทั่งต้นเดือนสิงหาคม จะมีหญ้าเขียวขจีทั้งประเทศในขณะที่ดอกหญ้าทุกส่วนของภูเขาแข่งกันบานออกมเต็มพื้นที่ ในป่าบนภูเขาสูงบางแห่งยังคงมีดอกโรโดเดนดรอนสีม่วงสีชมพูอยู่ทั่วไป
ฤดูป่าเปลี่ยนสี : เป็นช่วงที่ป่าสนเริ่มเปลี่ยนสีและไม้พุ่มเริ่มผลัดไป แต่สีสันไม่จัดจ้านนักทำให้นักท่องเที่ยวไม่ค่อยให้ความสำคัญกับฤดูนี้เท่าไร
ฤดูหนาว : หน้าหนาวของจอร์เจียถือเป็นอีกช่วงท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาติและนักสกีทั้งหลายนิยมเข้ามาเที่ยวบนเทือกเขาสูงเพื่อเล่นกิจกรรมสกีและพักในสกีรีสอร์ทที่แสนสะดวกสบายพร้อมชมทัศนียภาพงดงาม